ในปัจจุบัน กัญชา (Marijuana, cannabis) และกัญชง (Hemp) กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยมีนโยบายในการปลูก กัญชาและกัญชง เป็นพืชทางเศรษฐกิจ แต่ในเบื้องต้นยังไม่ได้ให้อนุญาตปลูกกัญชากับเอกชนโดยทั่วไป จะจำกัดอยู่ที่ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และวิสาหกิจชุมชม เนื่องจากมีสาร THC ซึ่งมีฤทธิ์มึนเมาสูงกว่า กัญชง แต่สำหรับกัญชงนั้นทางรัฐบาลจะอนุญาตให้เอกชนสามารถปลูกได้ จึงมีผู้คนจำนวนมากสนใจในการปลูกเพื่อนำมาทำประโยชน์
ประโยชน์ของกัญชาและกัญชงนั้นมีหลากหลายมาก ทั้งนี้เราจะพูดถึงส่วนซึ่งมีฤทธิ์ในการรักษา นับเป็น wellbeing chemicals อย่างหนึ่งได้ โดยสารที่สำคัญหลักที่สกัดเพื่อทำเป็นยานั้นคือ CBD ซึ่งเป็นสารที่สามารถใช้ได้ตามกฏหมาย ส่วนสาร THC นั้นจะจัดเป็นสารเสพติด ซึ่งทางกฏหมายกำหนดให้สกัดออกให้ได้มากที่สุด
กัญชามีชื่อภาษาอังกฤษที่มักถูกเรียกว่า Cannabis, Marijuana ชื่อวิทยาศาสตร์ Cannabis sativa forma indica กัญชาลำต้นจะมีลักษณะเตี้ยและเป็นพุ่ม มักสูงไม่เกิน 2 เมตร ต้นกัญชาจะแตกกิ่งก้านค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับกัญชง กัญชาจะมีใบหนากว้าง เรียงตัวชิดกัน มีแฉกประมาณ 5-7 แฉก และมีสีเขียวเข้ม ลำต้นเป็นปล้องหรือข้อสั้น เปลือกลอกยาก ให้เส้นใยที่ยาว แต่มีคุณภาพต่ำกว่ากัญชง ส่วนเมล็ดกัญชาจะมีขนาดเล็กกว่ากัญชง ผิวมีลักษณะมันวาว
กัญชาหมายถึงสิ่งที่มาจากพืชกัญชา ทั้งชิ้นส่วนของพืชและสารธรรมชาติในพืชกัญชา กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522) แต่อนุญาตให้ปลูกพืชกัญชาสำหรับใช้เพื่อทดลองประโยชน์ทางการแพทย์ได้
กัญชาเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ (bioactive compounds) ซึ่งมีส่วนประกอบของสารเคมีมากกว่า 450 ชนิด โดยมากกว่า 60 ชนิด เป็นสารกลุ่มแคนนาบินอยด์(cannabinoids) เช่น delta-9-tetrahydrocannabinol (THC), Cannabinol (CBN), Cannabidiol (CBD), Cannabichtomme (CBC), Cannabigerol (CBG) เป็นต้น พบมากที่สุดเป็น สารเตตร้าไฮโดรแคนนาบินอยด์ (delta-9 tetrahydrocannabinol: THC) และ แคนนาบิไดอัล (cannabidiol: CBD)
กัญชง คือ พืชชนิดหนึ่ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า เฮมพ์ (Hemp) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Cannabis sativa L.subsp. sativa อยู่ในวงศ์ Cannabaceae วงศ์เดียวกับกัญชา แต่เป็นสายพันธุ์ย่อย กัญชงมีลักษณะลำต้นต้นสูงเรียว มากกว่า 2 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาน้อย ใบกัญชงจะมีขนาดใหญ่ เรียงตัวห่างกว่าใบกัญชา ใบกัญชงเป็นใบเดี่ยว สีเขียวอ่อน ลักษณะเหมือนรูปฝ่ามือ ใบเป็นแฉกประมาณ 7-11 แฉก ต่อ 1 ใบ ขอบใบเหมือนใบเลื่อย ปลายใบเรียวแหลม ปล้องหรือข้อยาว เปลือกเหนียวลอกง่าย ให้เส้นใยยาวคุณภาพสูง เมล็ดกัญชงมีขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นรูปไข่กลมรี ผิวเรียบมันมีลายสีน้ำตาล ภายในเมล็ดมีสารอาหารจำพวกแป้งและไขมันจำนวนมาก
จุดเด่นของกัญชงนั้นจะไม่ใช่สาร THC แต่จะเป็น CBD (Canabidiol ) หลักๆ แล้วจะถูกสกัดออกมาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น การลดอาการเจ็บปวด หรือช่วยต้านอาการของโรคลมชัก แก้อาการนอนไม่หลับ แต่ไม่ทำให้เมา และไม่ทำให้เกิดการเสพติดเหมือนกับสาร THC ซึ่งในกัญชงจะมีสัดส่วนสาร CBD ต่อ THC สูงกว่ากัญชา โดยพบสาร CBD ในกัญชงประมาณ 2% ขึ้นไป ขณะที่ในกัญชามีสารชนิดนี้อยู่น้อยมาก ไม่ถึง 2% ทั้งนี้ เนื่องจากกัญชงมีสารเมาน้อย จึงมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทน้อย ดังนั้นกัญชงจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ มากกว่าใช้เป็นสารเสพติดอย่างที่กัญชาเป็น จึงทำให้ในหลาย ๆ ประเทศอนุญาตให้มีการปลูกต้นกัญชงได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ต้องควบคุมไม่ให้พืชที่ปลูกมีสารเสพติด (THC) สูงกว่าปริมาณที่กำหนด
เดิมทีกัญชงถูกจัดให้เป็นพืชที่อยู่ในบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เนื่องจากกัญชงเป็นพืชสายพันธุ์ย่อยของกัญชาที่มีสารเสพติดออกฤทธิ์สำคัญที่ชื่อว่า เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ซึ่งออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ดังนั้น การผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือแม้แต่เสพ จะมีโทษทางอาญา แต่หลังจากที่กัญชงถูกปลดล็อก ส่วนเปลือกกัญชง ลำต้น เส้นใย ราก ใบจริง/ใบพัด กิ่ง/ก้าน เปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง เส้นใยแห้ง กากจากการสกัด สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกิน 0.2% รวมทั้งเมล็ดกัญชง น้ำมันและสารสกัดจากเมล็ดกัญชง ไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ยกเว้นช่อดอกกัญชงที่ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 อยู่ ดังนั้นการปลูกกัญชงจึงต้องขออนุญาตอย่างถูกต้องก่อน
ในกัญชา และกัญชงนั้น มีสารประกอบต่างๆ มากมาย แต่มีจำนวนน้อย ซึ่งสารที่มีฤทธิ์โดดเด่นได้แก่
มีฤทธิ์ที่สำคัญที่เป็นประโยชน์ได้แก่ มีฤทธิ์ต้านการชัก ต้านการอาเจียน กระตุ้น ความอยากอาหาร แก้ปวด กำจัดความกระวนกระวาย และทำให้นอนหลับ เมื่อให้ CBD ร่วมกับ THC สามารถ ลด อาการไม่พึงประสงค์ของ THC ได้ CBD เป็นสารหลักที่สามารถนำมาผลิตเป็นยา และอาหารเสริมได้
จัดเป็นสารเสพติด ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่งผลเฉียบพลันให้ร่างกาย รู้สึกผ่อนคลายและมีความรู้สึกสนุก แต่มีอาการข้างเคียงด้านลบต่อจิตประสาท ได้แก่ กระวนกระวาย ซึมเศร้า มีความบกพร่องในสมาธิความจำและ การเรียนรู้ตลอดจนการทางานของระบบเคลื่อนไหว มีผลต่อการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิต สำหรับในประเทศไทยเอง THC ถือเป็นสารเสพติด ยังไม่สามารถสกัดเพื่อจำหน่ายได้
ลดอาการคลื่นไส้จากยาเคมีบำบัดมะเร็ง ลดอาการปวดเรื้อรัง ลดอาการเบื่ออาหาร เฉพาะในผู้ป่วยบางกลุ่ม ภายใต้การดูแลของแพทย์ ลดอาการเกร็ง ในผู้ป่วยโรคระบบประสาทจำเพาะบางชนิด (Multiple Sclerosis)
หากมีการนำสาร THC จากกัญชามาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ระมัดระวังในการใช้ อาจทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ ดังนี้ เมา หลอนประสาท เสพติด และอาจเพิ่มอัตราการฆ่าตัวตาย เพิ่มอุบัติเหตุ หากได้รับในปริมาณสูง อาจเกิดภาวะเป็นพิษ และอาการผิดปกติได้
พืชกัญชาส่วนใหญ่มี THC สูงกว่า CBD สามารถสกัดแยกด้วยกระบวนการในห้องปฏิบัติการเท่านั้น การใช้กัญชาเองโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล และคำแนะนำของแพทย์ เสี่ยงเกิดโทษต่อร่างกายมากกว่าเป็นผลดี
คือ สารที่ไม่ให้ผลในการรักษา ใช้เป็นสารช่วยทางเภสัชกรรมในการเตรียมเภสัชภัณฑ์รูปแบบต่าง ๆ
ในสูตรตำรับนั้น มีหน้าที่ต่าง ๆ เช่น
ที่ใช้ในรูปแบบทางยาแบบของแข็ง(Solid dosage forms) มีดังนี้
SYLOID® XDP 3050, 3015 Silica Pharmaceutical Excipients จัดเป็นวัตถุเจือปนอาหาร (Food Additive) และสารปรุงแต่งยาหรือสารช่วยในยาเตรียม (Pharmaceutical Excipient) เป็นซิลิกาสังเคราะห์ ชนิดอสัณฐาน (synthetic amorphous silica) มีลักษณะเป็นผงสีขาว (free-flowing powder) มีความบริสุทธิ์สูง ปราศจากรสชาติและกลิ่น
SYLOID® XDP 3050, 3015เป็นไปตามข้อกำหนดของ
SYLOID® XDP เป็นซิลิกาเจลที่มีเอกลักษณ์ มีรูพรุนขนาดกลาง (mesoporous) รูพรุนสูง มีพื้นที่ผิวภายในขนาดใหญ่ ให้ความสามารถในการดูดซับที่เหนือกว่าซิลิกาทั่วไป เป็นตัวพาสำหรับของเหลว (liquid pharmaceutical actives) การรวมกันของ การดูดซับ, รูพรุน, ขนาดอนุภาค และความหนาแน่นที่เหมาะสม ทำให้SYLOID® XDP เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนส่วนผสมที่เป็นของเหลวให้เป็นผงได้ (free flowing powder)
ตัวพา (carriers) ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่มีข้อจำกัดด้านการทำงาน การปล่อยตัวยาไม่ดี, ทำปฏิกิริยากับตัวยา, ต้องใช้ตัวทำละลายในการบรรจุ เพื่อลดความหนืดและตามด้วยการทำให้แห้ง แต่ SYLOID® XDP ได้รับการออกแบบมา โดยรูพรุนภายในและภายนอกรวมกันของ Syloid® XDP ช่วยให้มีพื้นที่ผิวมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการดูดซึมและการดูดซับ ง่ายต่อการซึมผ่านของตัวยาที่เป็นน้ำมัน(oily APIs),ลิพิด และของเหลว เข้าไปในรูพรุนของ SYLOID® XDP โดยไม่ต้องการตัวทำละลาย (solvents), สารลดแรงตึงผิว(Surfactants) ละการทำให้แห้ง ด้วยขนาดและโครงสร้างของรูพรุนที่ปรับให้เหมาะสม SYLOID® XDP จึงให้ประสิทธิภาพ 100% จึงมักใช้สำหรับการบรรจุสารออกฤทธิ์ ( loading oily APIs ) ทำให้ของเหลวเปลี่ยนรูปเป็นของแข็งได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ยังคงคุณสมบัติการไหลที่ดี (good flow properties) ช่วยให้บรรจุยาได้มากในแคปซูลและยาเม็ด,และปล่อยตัวยาได้ดี
SYLOID® XDP เป็นตัวพา (Carrier) สำหรับตัวยาที่เป็นของเหลวเพื่อทำให้อยู่ในรูปแบบยาที่เป็นของแข็ง เข้ากันได้ดีกับสารออกฤทธิ์ เมื่อบรรจุยาแล้ว (Loaded) ยังคงเป็นผงที่ไหลเวียน ( free flowing powder ) ได้อย่างดีเยี่ยมมีความสม่ำเสมอสำหรับตำรับยา โดยไม่ต้องใช้ตัวทำละลาย solvents หรือการทำให้แห้ง (drying)
สารสกัดจากสมุนไพรที่มีความข้นหนืดสามารถเปลี่ยนเป็นผง (free flowing powder) ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย หลังจากบรรจุ (loading) ลงไปใน SYLOID® XDP silica
การบรรจุยา (Loading) ที่ความเข้มข้นสูง SYLOID® XDP : herbal = 1:1เมื่อรวมเข้าด้วยกันอยู่ในรูปผง และ เมื่อนำไปทำเป็นยาเม็ด (tablets) ผลลัพธ์ที่ได้จะได้ยาเม็ด ที่มีความแข็ง (hardness) และเปราะ (friability)ที่เหมาะสม
Simethicone oil สามารถเปลี่ยนเป็นยาเม็ด (tablets)ได้อย่างดีในอัตราส่วน 0.75: 1 (SYLOID: Simethicone)
น้ำมันกัญชงและกัญชา มีประโยชน์มากในเชิงการแพทย์ แต่ยังถูกจำกัดในการจำหน่ายและบริโภคในรูปของน้ำซึ่งการเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของผง หรือรูปแบบอื่น จะสามารถทำให้เข้าถึงคน และสะดวกในการบริโภคอย่างมาก นอกจาก Syloid จะสามารถเปลี่ยนน้ำมันกัญชา กัญชง ให้อยู่ในรูปแบบของผงแล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนยาชนิดต่างๆที่อยู่ในรูปของน้ำมัน ให้อยู่ในรูปของผงด้วย ด้วยหลักการเดียวกัน
สำหรับผู้ผลิตน้ำมันกัญชง หรือ น้ำมันกัญชา ทาง GRACE นั้นมีผลิตภัณฑ์ silica อื่นๆ ที่ใช้ในการทำให้สารสกัดนั้นบริสุทธิ์ขึ้น ลดสารพิษหรือสารไม่พึงประสงค์อื่นๆ โดยใช้หลักการซึมผ่าน ด้วย silicon dioxide แบบพิเศษ ทำหน้าที่เป็น Chromatography resins โดยเราจะเขียนแนะนำในบทความถัดไป