Gadot Biochemical ได้ปล่อยแคมเปญที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ Magnesium ในการสินค้าต่างๆ อาทิเช่น อาหารเสริม อาหาร และ เครื่องดื่ม โดยเริ่มต้นด้วยการแสดงว่าระดับ Magnesiumในร่างกายที่ต่ำสามารถเกิดอันตรายได้มากแค่ไหน
“เป็นที่รู้กัน Magnesium เป็นวิตามินที่สำคัญต่อมนุษย์ทุกคนและยังเป็นแร่ธาตุที่มีจำนวนมากในสิ่งมีชีวิตเป็นลำดับที่ 4 และมีผลต่อการทำงานแทบจะในทุกระบบการเผาผลาญของร่างกาย อาทิเช่น การผลิตพลังงาน (ATP) จนถึงการสังเคราะห์โปรตีนและการรักษาสมดุลของกล้ามเนื้อระบบประสาท” ถูกกล่าวโดย Ohad Cohen, CEO ของ Gadot Biochemical Industries
มีการศึกษาในปี 2018 โดย American Osteopathic Association ที่ยืนยันแล้วว่า Vitamin D ไม่สามารถถูกร่างกายนำไปใช้โดยปราศจาก Magnesium ตามที่นักวิจัยกล่าวคือ “ Vitamin D ตกค้างถูกกักเก็บในร่างกายและไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากถึง 50 % ของประชากรในสหรัฐอเมริกา”
อีกหนึ่งการทดสอบในปี 2018 ที่ค้นพบสิ่งที่คล้ายกัน ในบุคคลที่มี Vitamin D ในร่างกายต่ำเมื่อได้รับ Magnesium เข้าไปก็ส่งผลให้เห็นว่าปริมาณของ Vitamin D ที่มีอยู่น้อยนั้นได้เพิ่มขึ้น ตามที่ผู้ศึกษากล่าว “ การขาด Magnesium ส่งผลให้การสังเคราะห์ Vitamin D และ การเผาผลาญหยุดการทำงาน”
ในปริมาณที่ควรได้รับต่อวันในปัจจุบันของ Magnesium คือ 300 มิลลิกรัม สำหรับผู้ชาย และ 250 มิลลิกรัม สำหรับผู้หญิงอย่างไรก็ตามในสิบปีล่าสุด ปริมาณได้ลดลงจาก 500 มิลลิกรัมต่อวัน เหลือเพียง 175 – 225 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากคนปัจจุบันมักจะรับประทานอาหารที่ผ่านกระบวนการ และการใช้ ยาฆ่าแมลงที่มี Chelate (สารจับโลหะ) ซึ่งทำให้แร่ธาติติดอยู่ในดิน
การขาด Magnesium สามารถนำไปสู่อาการหลายๆอย่างได้ อาทิเช่น ไมเกรน ความดันโลหิตสูง ภาวการณ์ดูดซึมอาหารผิดปกติ อ่อนเพลียง่าย และอื่นๆ
“Magnesium ได้ถูกมองข้ามอยู่เสมอในบรรดาอาหารเสริมด้วยกัน เป็นที่ชัดเจนว่าทั่วไปของผู้บริโภคนั้นไม่ได้รับ Magnesium ได้ในปริมาณที่เหมาะสม” Cohen กล่าว “ถ้าพวกเขาซื้อ Vitamin D เพื่อเสริมอาหารโดยไม่มี Magnesium มันจะเป็นการสูญเสียเงินของเขาโดยเปล่าประโยชน์ ดังที่งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า Vitamin D ต้องการ Magnesium เพื่อการนำไปใช้อย่างเหมาะสม”
Cohen กล่าวเสริมอีกว่า “Gadot ได้เริ่มโครงการเพื่อที่จะเน้นย้ำความสำคัญของการรับ Magnesium ให้เพียงพอ ในรูปแบบที่ง่ายที่สุดต่อการดูดซึมและทรงประสิทธิภาพ”
มันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าการดูดซึมของร่างกายต่อ Organic salt (รูปแบบของสารประกอบที่ประกอบด้วย Organic ion) มีค่าสูงกว่า Inorganic salt มาก และการวิจัยแสดงให้เห็นว่า Magnesium ในรูปของ Organicมีค่าการดูดซึมที่ดีกว่าในรูปของ Inorganic
ยกตัวอย่างเช่นในการศึกษาหนึ่งแสดงให้เห็น เพียงแค่ 43 % ของ Magnesium oxideเท่านั้นที่ละลายในสภาวะจำลองน้ำย่อย ในขณะที่ Magnesium citrate นั้นละลายถึง 86 % ภายใต้สภาวะเดียวกัน ในกลุ่มอาสาสมัครได้มีการวัดการดูดซึมของ Magnesium จากปัสสาวะได้พบว่าค่าการดูดซึมเมื่อเทียบกันระหว่าง Magnesium oxide กับ Magnesium citrate พบได้ว่า Magnesium citrate มีค่าการดูดซึมได้มากกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ
Cohen กล่าวอีกว่า “การดูดซึมแม็กนีเซียมคือพื้นฐานแต่ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความสามารถในการเข้าไปในเนื้อเยื่อและเซลล์เพื่อที่แร่ธาตุจะเกิดประสิทธิผลด้วย”
Magnesium citrate ยังมีคุณค่าอื่นที่เหนือกว่า Magnesium รูปอื่นอยู่อีก การดูดซึมไม่ต้องขึ้นอยู่กับกรดในกระเพาะอาหารและยังไม่ทำให้ปวดท้องเมื่อรับประทานตอนท้องว่าง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับ Magnesium lactate, Magnesium carbonate, Magnesium oxide และ Magnesium gluconate แล้ว Magnesium citrate นั้นให้ไม่ให้รสชาติ ไม่ขมหรือให้รสทรายเหมือนอันอื่น ซึ่งทำให้กินได้ง่ายและใช้ได้ในอาหารหลายรูปแบบ
บริษัททินกร เป็นตัวแทนจำหน่วยวัตถุเจือปนอาหาร ของบริษัท Gadot Biochemical Industries โดย Gadot เป็นบริษัทผู้ผลิตระดับโลกของวัตถุดิบที่มีสารประกอบเป็น Salt of citric acid (Citrate-based) ช่วยเสริมสร้างแร่ธาตุและ ฟอสเฟต บริษัท Gadot มี Magnesium citrate ในแบบต่างๆ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่พบ เช่น การละลาย รสชาติ และการใช้งาน ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีค่า pH ต่างกัน อาทิเช่น อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์นม รวมถึง Sport drink และเครื่องดื่มอื่นๆ
บริษัท Gadot มี Solution ที่สร้างขึ้นเฉพาะเพื่อตอบสนองต่อtrend ของผู้บริโภค อาทิเช่น Gadomag+ (soluble magnesium citrate) ; Gadomag K (Magnesium และ Potassium อย่างละ 10 % ที่ปราศจากการตกตะกอนและคงตัวแม้ไม่ใช้ Stabilizer) และ Gadosport ที่ประกอบด้วยแร่ธาตุที่เหมาะสมทั้งก่อน ระหว่าง และ หลังการออกกำลังกาย